แหล่งสืบค้นข้อมูล

ชื่อการค้า  Hydrochlorothiazide  

 รูปแบบยา  ยาเม็ด              

ยานี้ใช้สำหรับ ยานี้เป็นยาขับปัสสาวะใช้เพื่อรักษาอาการบวมและคั่งของน้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากโรคหัวใจหรือโรคไต หรือใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง

 วิธีใช้ยา

- ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

- รับประทานยานี้พร้อมอาหาร และควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง

- กรณีที่รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ให้รับประทานยาตอนเช้า แต่ถ้ารับประทานวันละ 2 ครั้ง ให้รับประทานยาตอนเช้าและเที่ยง

- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน

- ไม่ควรรับประทานยานี้ก่อนนอนเนื่องจากยามีผลทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น

- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยไม่จำเป็น และควรใช้ครีมป้องกันแสงแดด เนื่องจากยานี้ทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้น

- การรับประทานยานี้อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงซึมได้ ดังนั้นไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล และควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ

- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่รับประทานยานี้อยู่

- หากใช้ยา cholestyramine หรือยา colestipol ร่วมกับการรับประทานยานี้ ให้รับประทานยา cholestyramine หรือยา colestipol หลังยานี้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง

 

 

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ

- มีประวัติแพ้ยา hydrochlorothiazide ยาซัลฟา หรือแพ้ยาอื่นๆ

- ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาลดความดันโลหิต ยาโรคเบาหวาน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ibuprofen, naproxen)

- ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

- มีหรือเคยมีโรคหรือสภาวะต่างๆ ดังนี้ เป็นโรคเบาหวาน โรคเกาต์ โรคไต หรือโรคตับ

- หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

 

ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา

โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

 

อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา

1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

มีดังนี้ รอยแดง แผลพุพอง หรือลอก บริเวณผิวหนัง และเยื่อบุในปาก ถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด ท้องเสีย ปากแห้ง มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ กระหายน้ำมากขึ้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ปวดหลังส่วนล่าง หรือสีข้างลำตัว อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นตะคริว คลื่นไส้ อาเจียน มีเลือดออก หรือมีรอยช้ำผิดปกติ คัน ผื่นคัน หรือแผลพุพองบริเวณผิวหนัง ปวดท้องรุนแรง ชามือหรือเท้า เหนื่อย อ่อนเพลียผิดปกติ ตัวหรือตาเหลือง หายใจลำบาก กลืนลำบาก

2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบมีดังนี้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร

 

การเก็บรักษายา

- เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก

- เก็บยานี้ในภาชนะที่ป้องกันแสงได้ เช่น ขวดหรือซองสีชา

- เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น

 

ชื่อสามัญ  Furosemide   

ชื่อการค้า  Furosemide tablets 40 mg      

รูปแบบยา  ยาเม็ด              

ยานี้ใช้สำหรับ 

 

ยานี้เป็นยาขับปัสสาวะใช้เพื่อรักษาอาการบวมและคั่งของน้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากโรคหัวใจหรือโรคตับ หรือใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง

วิธีใช้ยา

- ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรกรณีที่รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ให้รับประทานยาตอนเช้า แต่ถ้ารับประทานวันละ 2 ครั้ง ให้รับประทานยาตอนเช้าและเที่ยง

- ควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง

- การรับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือนมจะช่วยลดอาการไม่สบายท้องซึ่งเกิดจากยาได้

- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน

- ไม่ควรรับประทานยานี้ก่อนนอนเนื่องจากยามีผลทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น

- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยไม่จำเป็น และควรใช้ครีมป้องกันแสงแดด เนื่องจากยานี้ทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้น- การรับประทานยานี้อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงซึมได้ ดังนั้นไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล และควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ

- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่รับประทานยานี้อยู่

 

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ

- มีประวัติแพ้ยา furosemide ยาซัลฟา หรือแพ้ยาอื่นๆ

- ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาลดความดันโลหิต ยาโรคเบาหวาน แอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น indomethacin) ยาจิตเวช (เช่น lithium)

- มีหรือเคยมีโรคหรือสภาวะต่างๆ ดังนี้ การทำงานของตับ หรือไตผิดปกติ เป็นโรคเบาหวาน โรคเกาต์

- หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

- ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

 

ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา

โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

 

อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา

1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

มีดังนี้ ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด ท้องเสีย ปากแห้ง มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ การได้ยินลดลง หรือมีเสียงกริ่งในหู กระหายน้ำมากขึ้น หัวใจเต้นผิดปกติ ปวดหลังส่วนล่าง หรือสีข้างลำตัว อารมณ์แปรปรวน ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นตะคริว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องมาก ผื่นคัน ผิวหนังลอก ชาบริเวณมือหรือเท้า มีเลือดออก หรือมีรอยช้ำผิดปกติ เหนื่อย อ่อนเพลียผิดปกติ ตาหรือตัวเหลือง หายใจลำบาก กลืนอาหารลำบาก น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วผิดปกติ

2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ

มีดังนี้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ

 

- เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก

- เก็บยานี้ในภาชนะที่ป้องกันแสงได้ เช่น ขวดหรือซองสีชา

- เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น