แหล่งสืบค้นข้อมูล

ชื่อสามัญ  Captopril

 ชื่อการค้า  Captopril stada 12.5   

 รูปแบบยา  ยาเม็ด              

 ยานี้ใช้สำหรับ ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจวาย

 วิธีใช้ยา

- ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร- รับประทานยานี้ตอนท้องว่าง โดยรับประทานก่อนอาหาร อย่างน้อย1 ชั่วโมง หรือหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

- รับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง

- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับการรับประทานยานี้- การรับประทานยานี้อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงซึมได้ ดังนั้นไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล และควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ

- ห้ามรับประทานยานี้ร่วมกับยาลดกรด หากจำเป็นต้องรับประทานร่วมกัน ให้รับประทานยาลดกรดหลังจากรับประทานยานี้แล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนจะรับประทานยานี้

- ไม่ควรซื้อยาบรรเทาอาการไอหรือหวัด หรือยาบรรเทาอาการเจ็บปวด มารับประทานโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน

 สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ

- มีประวัติแพ้ยา captopril หรือแพ้ยาอื่นๆ

- ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ ผลิตภัณฑ์เสริมธาตุโพแทสเซียม

- มีหรือเคยมีโรคหรือสภาวะต่างๆ ดังนี้ เป็นโรคหัวใจ โรคไต

- ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

- หากต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำฟัน ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

 ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา

โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

 อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา

1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

มีดังนี้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือเต้นเร็วกว่าปกติ ปริมาณปัสสาวะมากขึ้นหรือลดลง เวียนศีรษะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม มีไข้ หนาวสั่น ชานิ้วมือ นิ้วเท้า ผื่นคัน เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก กลืนอาหารลำบาก หน้า ตา ริมฝีปาก ลิ้น แขน ขาหรือข้อเท้าบวม เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือเต้นเร็วกว่าปกติ ปริมาณปัสสาวะมากขึ้นหรือลดลง หายใจลำบาก กลืนอาหารลำบาก เวียนศีรษะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม มีไข้หนาวสั่น ชานิ้วมือ นิ้วเท้า ผื่นคัน หน้า ตา ริมฝีปาก ลิ้น แขน ขาหรือข้อเท้าบวม

2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบมีดังนี้ ไอ การรับรสชาติหรือกลิ่นผิดปกติ รู้สึกขมในปาก เหนื่อย อ่อนเพลียผิดปกติ

การเก็บรักษายา

- เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก

- เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น เก็บในบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น

ชื่อสามัญ  Enalapril [maleate]     

ชื่อการค้า  Enalapril stada 10 mg.(tablets)              

รูปแบบยา  ยาเม็ด               

ยานี้ใช้สำหรับ ยานี้ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจวาย

 วิธีใช้ยา

- ยานี้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดใช้สำหรับรับประทาน โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1-2 ครั้ง หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

- รับประทานยานี้ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง

- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน

- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่รับประทานยานี้อยู่

- การรับประทานยานี้อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หรือง่วงซึมได้ ดังนั้นไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล และควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ

- ไม่ควรซื้อยาบรรเทาอาการไอหรือหวัด หรือยาบรรเทาอาการเจ็บปวด มารับประทานโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน

 สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ

- มีประวัติแพ้ยา enalapril lisinopril captopril fosinopril perindopril quinapril ramipril benazepril moexipril trandolapril หรือแพ้ยาอื่นๆ

- ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาแอสไพรินหรือยาที่มีแอสไพรินเป็นส่วนประกอบ ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น indomethacin ยาขับปัสสาวะ ผลิตภัณฑ์เสริมธาตุโพแทสเซียม

- มีหรือเคยมีโรคหรือสภาวะต่างๆ ดังนี้ ภาวะภูมิคุ้มกันทำงานบกพร่อง เช่น lupus โรคหัวใจ หรือโรคไต

ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

- หากต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือทำทันตกรรมใดๆ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

 ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา

โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

 อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา

1) อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที

มีดังนี้ หน้า ลำคอ ตา ริมฝีปาก ลิ้น ขา มือ หรือข้อเท้าบวม หายใจลำบาก กลืนอาหารลำบาก คัน ผื่นคัน ผื่นลมพิษ เจ็บหน้าอก รอยแดง แผลพุพอง หรือลอก บริเวณผิวหนัง และเยื่อบุในปาก มีเลือดออก หรือมีรอยช้ำผิดปกติ ปริมาณปัสสาวะลดลง รู้สึกเหมือนจะเป็นลม มีไข้ เจ็บคอ หนาวสั่น ชานิ้วมือ นิ้วเท้า เสียงแหบ ตาหรือตัวเหลือง

2) อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบมีดังนี้ ไอ เหนื่อย อ่อนเพลียผิดปกติ

การเก็บรักษายา

- เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก

- เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น